วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สาวนั่งดริ้งร้านเน็ต อย่างกะ ร้านคาราโอเกะ


ร้านเน็ต อย่างกะ ร้านคาราโอเกะ (18+)
             เห็นข่าวแล้ว ก็ได้แต่ร้องว่า (ทำม๊ายยยย ทำไม ทำงี้ล่ะน้อง ) เพิ่งรู้ว่าเดียวนี้เค้าทำการค้าแบบนี้กัน การค้าขายสมัยนี้เค้ามีกลยุทธ์และพัฒนาการในเรื่องการให้บริการแปลก ๆ จริง ๆ
             เป็นการให้บริการของ ร้านอินเตอร์เนทคาเฟ่ของประเทศจีนเค้า (ปักกิ่ง) ที่จริงข่าวนี้ก็เห็นเป็นภาพที่มีการส่งต่อ ๆ กันมาตามฟอร์เวิรด์เมล์มาสักระยะแล้ว ซึ่งในร้านจะมีพนักงานหญิงหน้าตาสวย แต่งตัวเปิดส่วนโค้งส่วนเว้านิดหน่อยๆ มาคอยเป็นเพื่อนเล่นอินเตอร์เนทให้ลูกค้า ที่ส่วนใหญ่ 99% ว่าเป็นผู้ชายมาเล่น ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ออนไลน์ เช็คอีเมล์ เล่นเฟสบุ๊ค โอ้ย สารพัดสารเพเท่าที่จะทำได้
แต่ที่มันพิเศษจนหยิบมาเขียนกันคือ ที่ร้านนี้นั้นสามารถเลือกพนักงานบริการหญิงมานั่งด้วย โดยสามารถเลือกได้ด้วย 

ความคิด blogger

          ถ้าร้านเกมส์บ้านเรานำกลยุทธ์นี้มาใช้ พ่อแม่ผู้ปกครองคงปวดหัวกันน่าดูนะครับ เพราะแค่ธรรมดาไม่มีสาวมานั่งบริการเด็ก ๆ ก็ติดเกมส์กันชนิดที่ว่าสามารถนั่งเป็นวัน ๆ ไม่กินข้าวกินน้ำได้อยู่แล้ว แล้วข่าวในลักษณะนี้จะถูกส่งกันเร็วมาก เผลอ ๆ ที่ผมกำลังนั่งเขียนบล็อกนี่อยู่เด็ก ๆ อาจจะรู้แล้วก็เป็นได้ เมื่อพูดถึงข่าวนี้ก็วกมากับกรณีที่เด็กติดเกมส์จนเสียการเรียน สิ่งที่ผมได้ประสบการณ์จากการทำงานและได้ไปบรรยายให้ความรู้ในที่ต่าง ๆ พบว่าปัญหาเด็กติดเกมส์นั้นรุนแรงมากในระดับที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน บางคนถึงกับเรียนแบบเกมส์ที่ชอบ ทั้งการแต่งตัว , พฤติกรรม หรือแม้กระทั่งรุนแรงไปจนถึงฆ่าตัวตายก็มี เพราะฉะนั้นเกมส์เปรียบเสมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน ถ้าเล่นเกมส์ที่เหมาะกับเด็ก เล่นในเวลาที่เหมาะสม มันก็จะเป็นการเสริมสร้างจินตนาการได้ แต่ถ้าเล่นเกมส์ที่มีความรุนแรง แล้วเล่นทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ก็คงไม่ต้องถามว่ามันจะเกิดประโยชน์ได้อย่างไร คนที่จะคอยดูแลและเอาใจใส่ก็คงจะหนีไม่พ้นคนในครอบครัวอย่างแน่นอน วิธีการที่ผมได้จากประสบการณ์ที่นอกเหนือจากการใส่ใจของผู้ปกครองก็คือ การให้เด็กมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าเด็กรู้หน้าที่ตนเองแล้วเวลาที่ว่างมากมายเหลือเกิน ที่พ่อแม่ไม่เคยให้ลูกทำอะไรมันก็จะลดน้อยลง เวลาไปเล่นเกมส์มันก็จะน้อยลงตามไปด้วย , ต่อมาก็คือการทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว ทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่สอนลูกไม่ให้เล่นเกมส์เล่มคอมพิวเตอร์ แต่พ่อแม่เองกลับเล่น chat , line , facebook ตลอดเวลาอันนี้ก็คงจะแก้ไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องของพฤติกรรม แต่อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของบ้าน คือการจัดวางคอมพิวเตอร์ พ่อแม่ส่วนใหญ่กลัวลูกลำบากในห้องขนทุกอย่างเข้าไปหมด ทีวี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ แต่ความจริงสมควรแล้วหรอ มองยังไงก็ไม่สมควร ตามหลักที่เค้าทำกันก็คือ เอาคอมพิวเตอร์ไว้กลางบ้านในจุดที่พ่อแม่หรือคนในบ้านสามารถเดินผ่านไปผ่านมา เพื่อสอบถามพูดคุยกับลูกว่าเล่นอะไร เป็นอย่างไรบ้าง อันนี้ไม่ใช่การจับผิดนะครับ ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอ ลูกก็จะเข้าใจเพราะมันเหมือนเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายก็ฝากไว้ที่ผมได้พูดมาทั้งหมด ถ้าเห็นด้วยก็นำไปปฏิบัติ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ถือว่าอ่านไว้เป็นข้อมูล เพราะคุณอาจจะมีข้อมูลที่ดีกว่าผมก็เป็นได้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น